facebook

กด Like เป็นกำลังใจให้กับ คลินิกสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

Sugar glider เครื่องร่อนมีชีวิต ^^


สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงแสนรักมาฝากครับ เค้ามีชื่อ ภาษาอังกฤษว่า Sugar Gliders หรือ จิงโจ้บิน ในภาษาเรานั่นเอง นั่นแน่ เริ่มอยากรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าเค้ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร


เค้าเป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศ ออสเตรเลีย และนิวกีนี ซึ่งเป็นทวีปที่มีสัตว์ค่อนข้างหลากหลาย และแปลกๆ มากมาย โดยเฉพาะ สัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องอย่างเช่น จิงโจ้ และจิงโจ้บินเป็นต้น


จิงโจ้บินเป็นสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องขนาดเล็กและเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยกระเป๋าหน้าท้องจะพบได้แต่ในเพศเมียเท่านั้น และมีพังผืดที่เชื่อมระหว่างขาหน้ากับขาหลัง เวลาที่เค้าปืนขึ้นไปบนยอดไม้ และร่อนตัวลงมาจะดูคล้ายกับว่าสามารถบินได้ เลยได้ชื่อเรียกว่า จิงโจ้บิน

เรามาทำความรู้จักกับถุงหน้าท้องของจิงโจ้บินกันดีกว่าครับ ถุงหน้าท้องของจิงโจ้บินนี่มีเต้านมอยู่ภายใน 2 คู่ และจะจับคู่ผสมพันธ์ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน โดยตัวผู้หนึ่งตัวสามารถทำการผสมพันธุ์กับตัวเมียได้หลายตัว ลูกที่คลอดออกมาจะอาศัยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งในกระเป๋าหน้าท้องจะมีขนที่อ่อนนุ่มและอบอุ่นคอยรองรับตัวเค้าไว้


จิงโจ้บินจะลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกเมื่ออายุได้ประมาณ 70 วัน และเมื่ออายุประมาณ 120 วัน เค้าจะหย่านม ดังนั้นเวลาที่ท่านผู้อ่านต้องการที่จะเลือกซื้อ ผมขอแนะนำว่าให้เลือก จิงโจ้บินที่ลืมตาและหย่านมแล้ว โดยจิงโจ้บินที่หย่านมแล้ว จะมีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กรัมขึ้นไป


ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะตัดสินใจเอาเจ้าจิงโจ้บินมาเป็นสัตว์เลี้ยงคู่กาย ผมขอแนะนำนิสัยใจคอของเจ้าจิงโจ้บินไว้คร่าวๆดังนี้ครับ เค้าเป็นสัตว์ที่ฉลาดแสนซนและยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีอีกด้วย มีอายุเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี (ในกรงเลี้ยง) แต่ในธรรมชาติจะมีอายุที่สั้นกว่า

ถ้าท่านผู้อ่านตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องการที่จะเลี้ยงจิงโจ้บินเป็นเพื่อนคู่ใจแล้วหละก็ ผมขอแนะนำว่าเค้าชอบที่จะอาศัยอยู่ในที่ที่อบอุ่นและปลอดภัย อย่างเช่น เค้ามักจะชอบนอนหลับอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเราเพราะได้รับไออุ่นจากตัวเราและยังรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายอีกด้วย บางครั้งเค้าก็ชอบที่จะนอนหลับอยู่ในอุ้งมือของเราเพราะว่ามันอบอุ่นนั้นเอง หรือ บางทีเค้าอาจจะคิดว่าเราเป็นพ่อแม่ของเค้าก็ได้นะครับ


โดยธรรมชาติแล้วจิงโจ้บินจะหาอาหารทานเองจากธรรมชาติ ซึ่งก็ได้แก่ เปลือกไม้ ยางของต้นยูคาลิปตัส ต้น อคาเชีย และ แมลงเล็กๆรวมทั้งหนอนด้วย และอาหารสุดโปรดของจิงโจ้บินก็คือ อาหารที่มีรสหวานๆ อย่างเช่นน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ หรือบางครั้งก็แอบไปทานน้ำผึ้งด้วยนะครับ ดั้งนั้นจิงโจบินเลยได้รับฉายาว่า “Sugar Gliders” Sugar = น้ำตาล และ Gliders = ก็คือเครื่องล่อนนั้นเองครับ


ทีนี้ท่านผู้อ่านก็ได้ทราบถึงนิสัยใจคอและอาหารการกินของจิงโจ้บินกันพอสมควรแล้วนะครับ ตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคภัยไข้เจ็บที่มักจะเกิดกับจิงโจ้บินของเรามีอะไรบ้างโดยส่วนใหญ่แล้วโรคภัยไข้เจ็บของเค้าที่มักพบได้บ่อยๆในคลินิกคือการจัดการเลี้ยงดูที่ผิดครับ และ ถ้าท่านผู้อ่านตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเอาเจ้าจิงโจ้บินเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวหละก็ สิ่งที่ต้องเตรียมอันดับแรกเลยก็คือที่อยู่อาศัยของเค้าหรือที่นอนนั้นเอง จิงโจ้บินต้องการที่อยู่อาศัยที่สะอาด เพราะเค้าเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งแปลกปลอมและก็แพ้สารพิษหรือสารเคมีได้ง่ายมากๆด้วยเช่นกัน ฉะนั้นผมขอแนะนำว่าที่อยู่อาศัยของเค้าควรทำให้คล้ายกับที่เค้าอยู่ในธรรมชาติมากๆซึ่งในทางทฤษฏีแล้วพื้นที่ที่ต้องการจริงๆ ควรจะ มีขนาด 1800 mm* 1800 mm * 2000 mm หากจิงโจ้บินมีขนาดเล็กที่นอนของเค้าควรที่จะอบอุ่นและอ่อนนุ่ม ให้เหมือนกับที่เค้านอนหลับอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่เค้าบางท่านมักจะนำจิงโจ้บินติดตัวไปทำงานหรือเรียนหนังสือด้วยการหาถุงเล็กๆบุสำลีนุ่มๆ เพื่อที่จะใส่เค้าเข้าไปด้านในวิธีนี้สามารถใช้ได้แต่อย่านำเค้าใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงที่ฟิตมากเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย และหากท่านผู้อ่านต้องการที่จะอาบน้ำให้กับเจ้าจิงโจ้บินนั้น ถ้าถามว่าอาบได้ไหมที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นนะครับ แต่ถ้าหากเค้าสกปรกจริงๆ ขอแนะนำว่าให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น บิดพอหมาดๆเช็ดตัวก็พอครับ แต่หากจะต้องใช้แชมพู ก็ขอให้เลือกใช้แชมพูที่อ่อนๆ เพราะผิวหนังเค้าไวต่อการแพ้สารเคมีได้ง่ายมากๆ


ส่วนการให้อาหารแก่เจ้าจิงโจ้บินนั้นก็ควรให้ให้ครบกับความต้องการของร่างกาย ไม่ควรให้มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะอาจจะส่งผลให้จิงโจ้บินของเราป่วยได้ง่ายครับ เค้าต้องการสารอาหารจำพวก โปรตีน แคลเซียม และวิตามิน ซึ่งหาได้ง่ายๆจาก ยางไม้ ผลไม้ต่างๆ แมลงหรือหนอนเล็ก เราไม่ควรให้เค้าทานผักและผลไม้มาก และอาหารที่มีรสหวานมากจนเกินไป เพราะจะสงผลเกี่ยวกับการมองเห็นของเค้า ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตุเห็นว่าในตาของจิงโจ้บินมีจุดเม็ดเล็กสีขาวๆเกิดขึ้นหละก็ นั้นแปลว่าท่านให้เค้าทานอาหารที่มีไขมันมากจนเกินไป ทำให้ไขมันขึ้นไปสะสมอยู่ในบริเวณตาและจะทำให้การมองเห็นของเค้าด้อยประสิทธิภาพลง


โรคที่พบได้บ่อยอีกโรคที่เกิดจากความสมดุลของแร่ธาตแคลเซียมและฟอสฟอรัส คือแสดงอาการขาหลังอ่อนแรง และอาจจะถึงเป็นอัมพาตของสองขาหลังได้ โดยสาเหตที่ขาดก็อาจจะนื่องการได้รับแคลเซียมน้อยเกินไป หรือว่าขาดวิตามินดี รวมทั้งได้รับแสงแดดไม่เพียงพอด้วย ซึ่งตรงนี้เราสามารถแก้ปัญหาได้คือ เสริมอาหารแคลเซียมเข้าไปในอาหาร เช่นนำแคลเซียมผงมาคลุกกับหนอนหรือแมลงเล็กๆก่อนที่จะให้เค้าทานเข้าไป และพาเค้าของมารับแสงแดดยามเช้าหรือเย็นบ้างแต่ก็ไม่ควรให้เค้าโดนแสงแดดจ้าๆหรืออยู่ในที่แดดจัดๆ เพราะว่าในธรรมชาติแล้วเค้าเป็นสัตว์ที่ชอบหากินในเวลากลางคืนหรือตอนเช้ามืด (nocturnal)


เป็นอย่างไรบ้างครับเริ่มจะหลงรักเจ้า Sugar gliders หรือจิงโจ้บินเข้าแล้วบ้างหรือยังครับ ยังไงก่อนที่จะเลี้ยงเค้าอย่าลืมดูความพร้อมของตัวเองและแน่ใจว่าไม่ได้เลี้ยงตามกระแสนิยมนะครับ เพราะว่า เราอาจจะไปทำร้ายเค้าทางอ้อมได้ ถ้านำเค้ามาเลี้ยงแล้วไม่รู้จักธรรมชาติและนิสัยของจิงโจ้บินดีพอ แล้วพบกันใหม่ ในโอกาสหน้าครับ


1 ความคิดเห็น: